🔥 ทำความเข้าใจ “ยาแก้อักเสบ”
หลายคนเข้าใจผิดว่า “ยาแก้อักเสบ” คือ “ยาปฏิชีวนะ” แต่จริง ๆ แล้ว ไม่ใช่
ยาแก้อักเสบ (Anti-inflammatory drugs) → ยาที่ลดอาการปวด บวม แดง ร้อน จากการอักเสบ เช่น NSAIDs (ibuprofen, naproxen, diclofenac)
ยาปฏิชีวนะ (Antibiotics) → ใช้ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ไม่ได้แก้อักเสบโดยตรง
ดังนั้น เวลาหมอให้ “ยาแก้อักเสบ” ส่วนใหญ่คือกลุ่ม NSAIDs ที่ลดอาการปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดฟัน หรืออักเสบหลังผ่าตัด
กินตาม ใบสั่งแพทย์ เป็นหลัก
ส่วนใหญ่ กินทุก 6–8 ชั่วโมง หรือวันละ 2–3 ครั้ง
ควรกิน พร้อมอาหารหรือหลังอาหารทันที → ป้องกันการระคายเคืองกระเพาะ
ถ้าแพทย์สั่ง “วันละ 3 ครั้ง” → กินหลังอาหารเช้า–กลางวัน–เย็น
ถ้าแพทย์สั่ง “ทุก 8 ชั่วโมง” → เวลาที่เหมาะคือ 7.00 น. / 15.00 น. / 23.00 น.
ถ้าแพทย์สั่ง “วันละ 2 ครั้ง” → หลังอาหารเช้าและเย็น (เช่น 8.00 น. / 20.00 น.)
ห้ามกินเกินขนาดหรือกินซ้ำโดยไม่ได้รับคำสั่งแพทย์
ไม่ควรกินต่อเนื่องเกิน 7–10 วันโดยไม่ปรึกษาแพทย์ → เสี่ยงกระเพาะทะลุ ไตวาย ตับอักเสบ
ห้ามใช้ร่วมกับแอลกอฮอล์
ระวังถ้าเป็นคนที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดัน โรคไต
NSAIDs (Non-Steroidal Anti-Inflammatory Drugs)
เช่น Ibuprofen, Naproxen, Diclofenac → ใช้แก้ปวดข้อ กล้ามเนื้อ ปวดประจำเดือน
Steroids (Corticosteroids)
เช่น Prednisone → ใช้ลดการอักเสบในโรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกันผิดปกติ
ยาชีวภาพ (Biologics)
ใช้ในโรครุนแรง เช่น ข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคหลอดเลือดอักเสบ
เพราะการใช้ยาแก้อักเสบต่อเนื่องมีผลข้างเคียง เช่น กระเพาะทะลุ ไตทำงานผิดปกติ → คนจำนวนมากเริ่มหันมาหาทางเลือกธรรมชาติ เช่น
ปลาโอเมก้า-3 (แซลมอน, ซาร์ดีน)
ผักผลไม้สีสด เช่น บลูเบอร์รี บร็อกโคลี
ถั่วและธัญพืชเต็มเมล็ด
น้ำมันมะกอก
7–9 ชั่วโมง/คืน → ลดการสร้างสารอักเสบ
เดิน โยคะ ว่ายน้ำ → ลดการอักเสบระดับเซลล์
แมกนีเซียมไม่ใช่ยา แต่เป็นแร่ธาตุที่มีบทบาทสำคัญในการควบคุมไฟอักเสบ
ลดค่า CRP และ cytokines
ช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย ลดอาการตึง–เกร็ง
เสริมการนอนหลับลึก → ร่างกายฟื้นตัวดีขึ้น
ลด oxidative stress ที่ทำให้เซลล์เสื่อม
ดูดซึมดีที่สุด ลดสารอักเสบ ทำให้ระบบประสาทสงบ
ช่วยสร้างพลังงาน ลดอ่อนล้าและปวดเมื่อย
ดูดซึมเร็ว ช่วยย่อยอาหารและลดกรดเกิน
ให้แมกนีเซียมปริมาณสูง ช่วยให้ร่างกายได้รับรวมเพียงพอ
เสถียร ดูดซึมได้จริง เสริมภูมิคุ้มกัน ลดอักเสบระยะยาว
อาการปวดอักเสบลดลง
ฟื้นตัวเร็วขึ้นหลังใช้งานข้อหรือกล้ามเนื้อหนัก
คุณภาพการนอนดีขึ้น ลดความเครียด
ลดค่าอักเสบในเลือด
Meta-analysis 2021: การเสริมแมกนีเซียมช่วยลด hs-CRP
Clinical trial 2018: Magnesium Glycinate ลดอักเสบและปรับการนอน
Review 2020 (Nutrients Journal): การขาดแมกนีเซียมสัมพันธ์กับโรคอักเสบเรื้อรัง
ส่วนใหญ่ควรกิน หลังอาหาร วันละ 2–3 ครั้ง ตามแพทย์สั่ง
ห้ามกินเกินขนาดหรือกินต่อเนื่องโดยไม่ปรึกษาแพทย์
ควรเสริมด้วย การดูแลแบบธรรมชาติ เช่น อาหาร การนอน และการออกกำลังกาย
Wiselabs Magnesium (5 ฟอร์ม) เป็นอีกหนึ่งทางเลือกเสริมที่ช่วยลดการอักเสบจากภายใน โดยไม่กระทบกระเพาะหรือไตเหมือนยา
ปรึกษาคุณหมอ Add LINE หรือสแกน QR ได้เลยค่ะ ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย